กลโกง Call Center ภัยออนไลน์ที่คนไทยต้องรู้ทัน พร้อมคู่มือป้องกันแบบละเอียด

กลโกง Call Center ภัยออนไลน์ที่คนไทยต้องรู้ทัน พร้อมคู่มือป้องกันแบบละเอียด

ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างเชื่อมต่อกันผ่านสมาร์ตโฟนและอินเทอร์เน็ต “กลโกง Call Center” ได้กลายเป็นหนึ่งในภัยร้ายที่ประชาชนจำนวนมากเคยเจอ หรืออย่างน้อยก็เคยได้ยินจากคนรอบข้าง การหลอกลวงผ่านสายโทรศัพท์อาจดูเป็นเรื่องเก่า แต่ปัจจุบันกลุ่มมิจฉาชีพยังคงพัฒนาเทคนิคใหม่ ๆ จนสามารถทำให้คนตกเป็นเหยื่อได้ไม่ยาก บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักกลโกง Call Center ให้ลึกซึ้ง ตั้งแต่ต้นตอ วิธีการทำงาน ไปจนถึงแนวทางป้องกันตัวเองและครอบครัว

กลโกง Call Center คืออะไร?

“Call Center Scam” หมายถึงการหลอกลวงทางโทรศัพท์โดยอ้างตัวเป็นบุคคลหรือหน่วยงานที่น่าเชื่อถือ เช่น เจ้าหน้าที่ตำรวจ ศาล ธนาคาร บริษัทขนส่ง หรือแม้แต่หน่วยงานรัฐ จุดประสงค์หลักคือทำให้เหยื่อเกิดความกลัว ความตื่นตระหนก หรือความไว้ใจ แล้วหลอกให้เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว โอนเงิน หรือดาวน์โหลดแอปที่มีมัลแวร์แฝง


พัฒนาการของกลโกง Call Center

  • ยุคแรก ๆ: โทรศัพท์บ้าน มีข้อความขู่ว่า “มีพัสดุผิดกฎหมาย” หรือ “มีคดีความติดตัว”
  • ยุคสมาร์ตโฟน: ใช้เบอร์มือถือปลอมขึ้นชื่อเป็นหน่วยงาน เช่น “ธนาคารแห่งประเทศไทย” หรือ “ศาลจังหวัด”
  • ยุคออนไลน์: ผูกกับ SMS และ LINE ส่งลิงก์ปลอมให้กดดาวน์โหลดแอป ทำให้แฮ็กบัญชีธนาคารได้โดยตรง

วิธีการทำงานของมิจฉาชีพ

  1. สร้างความน่าเชื่อถือ: ใช้เทคนิค Caller ID Spoofing ทำให้เบอร์ที่โชว์ขึ้นมาดูน่าเชื่อถือ
  2. ใช้ข้อมูลส่วนตัว: บางครั้งมีชื่อ–นามสกุลหรือเลขบัตรประชาชนบางส่วนของเหยื่อ ทำให้ดูสมจริง
  3. กดดันด้วยความกลัว: เช่น ขู่เรื่องหมายจับ คดีฟอกเงิน หรือการโอนผิดบัญชี
  4. บังคับให้โอนเงิน: หลอกว่าต้องโอนเข้าบัญชีกลางเพื่อตรวจสอบ
  5. ชักจูงให้โหลดแอป: แอปปลอมสามารถดูดเงินจาก Mobile Banking ได้ทันที

ตัวอย่างกลโกงจริงที่พบบ่อยในไทย

  • โทรอ้างว่า “พัสดุติดค้าง” ที่ศุลกากร ต้องโอนค่าปรับ
  • โทรอ้างว่า “มีคดีความ” ต้องรีบชำระเงินเพื่อไม่ให้ถูกจับ
  • โทรจาก “ธนาคาร” ว่ามีการกดเงินผิดปกติ ต้องให้ข้อมูล OTP
  • โทรอ้างว่า “ญาติประสบอุบัติเหตุ” ต้องรีบโอนเงินช่วยเหลือ

ผลกระทบเมื่อหลงเชื่อ

  • สูญเสียทรัพย์สิน: โอนเงินไปบัญชีม้า มักตามคืนยาก
  • ข้อมูลส่วนตัวรั่วไหล: เลขบัตร ปชช., OTP, พาสเวิร์ด
  • ผลกระทบทางจิตใจ: ความเครียด วิตกกังวล สูญเสียความมั่นใจ
  • ผลกระทบต่อครอบครัว: บางรายสูญเงินเก็บทั้งชีวิต

วิธีสังเกตว่าเป็น Call Center ปลอม (คู่มือ Step-by-Step)

  1. โทรมาแบบเร่งด่วนให้โอนเงินทันที
  2. อ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ แต่ใช้ถ้อยคำกดดัน ข่มขู่
  3. ขอข้อมูลส่วนตัวที่ปกติหน่วยงานไม่เคยถาม เช่น OTP, PIN
  4. เสนอให้โหลดแอปพลิเคชันนอกระบบ
  5. โทรติดต่อในเวลาผิดปกติ เช่น ตอนดึก

10 วิธีป้องกันไม่ให้ตกเป็นเหยื่อ

  1. อย่ารับสายจากเบอร์แปลก ๆ หากไม่จำเป็น
  2. ห้ามบอกรหัส OTP หรือข้อมูลบัญชีให้ใคร
  3. ธนาคาร–ตำรวจ ไม่โทรมาขอข้อมูลการเงิน
  4. สังเกตชื่อเบอร์ขึ้นต้นว่า “หน่วยงานรัฐ” มักปลอม
  5. หลีกเลี่ยงการกดลิงก์จาก SMS/LINE แปลก ๆ
  6. ห้ามโหลดแอปนอก Play Store หรือ App Store
  7. ใช้บริการสายด่วน 1441, 1599, 1212 เมื่อสงสัย
  8. ใช้ฟีเจอร์บล็อกสายจากเบอร์ไม่รู้จัก
  9. ติดตามข่าวสารกลโกงใหม่ ๆ อย่างสม่ำเสมอ
  10. บอกต่อความรู้ให้ครอบครัว โดยเฉพาะผู้สูงอายุ

ทำอย่างไรหากตกเป็นเหยื่อ

  1. รีบแจ้งธนาคารเพื่ออายัดบัญชี
  2. โทรแจ้ง ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (1441) หรือ 1599
  3. แจ้ง ETDA (1212) เพื่อช่วยประสานงาน
  4. เก็บหลักฐานการโอน/ข้อความ/เบอร์โทรไว้แจ้งความ

สรุป

กลโกง Call Center ไม่ได้หายไปไหน แต่กลับพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ การรู้เท่าทันและป้องกันตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่สุด หากคุณอ่านมาถึงตรงนี้ อย่าลืมแชร์บทความนี้ต่อให้คนรอบตัว เพราะการป้องกันที่ดีที่สุด คือ “การรู้ก่อนที่จะสายเกินไป”

Comments

No comments yet. Why don’t you start the discussion?

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *